นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้ทิศทางดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังอยู่ช่วงขาขึ้น แต่ ธอส.พร้อมตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ ช่วยเหลือลูกค้าออกไปอย่างน้อยถึงเดือน ก.ย.65 ส่วนหลังจากนั้นจะต้องดูทิศทางตลาดดอกเบี้ย รวมถึงดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนว่า จะมีการปรับขึ้นเท่าไร ขึ้นกี่ครั้ง แต่ ธอส.ก็พร้อมเข้าไปช่วยบรรเทาผลกระทบช่วยลูกค้าที่กู้บ้านกับ ธอส.ให้ได้รับผลกระทบน้อยกว่าภาพรวมตลาดคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
“การที่ ธอส.สามารถเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าได้ เนื่องจากธนาคารมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง และมีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเกินกว่า 1 แสนล้านบาทแล้ว และช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ก็มีการนำกำไรบางส่วนไปช่วยตรึงดอกเบี้ยช่วยลูกค้าไว้”
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ขณะนี้เป็นจังหวะดีของผู้ที่ต้องการซื้อบ้านจะต้องรีบตัดสินใจ เพราะสินเชื่อยังคงมีดอกเบี้ยต่ำและดอกคงที่เหลืออยู่ เช่น โครงการบ้านล้านหลัง เฟสสอง ดอก 1.99% ขณะนี้ขยายวงเงินกู้ไปถึง 1.5 ล้านบาท และเหลือวงเงินสินเชื่อเพียง 4 พันกว่าล้านบาท เพราะไม่เช่นนั้นในอนาคตคาดว่าภาพรวมดอกเบี้ยจะปรับขึ้นแน่ ส่วนการปล่อยสินเชื่อเดือน มิ.ย.นี้ คาดจะปล่อยกู้ได้ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท และทั้งปีจะปล่อยกู้ช่วยคนไทยมีบ้านได้เกิน 3 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.2 แสนล้านบาทคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ด้านนายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ออมสินในฐานะที่เป็นธนาคารรัฐที่ใหญ่ที่สุด พร้อมตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้นานที่สุด แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าจะตรึงจนถึงสิ้นปีนี้ หรือเมื่อไร เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงที่เร็วมากในขณะนี้ ไม่ว่าอัตราเร่งของการปรับขึ้นอัตราดอกนโยบายของต่างประเทศ อีกทั้ง การตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ มีผลต่อกำไรของธนาคารที่อาจหายไปบางส่วน ซึ่งธนาคารออมสินก็พร้อมที่จะแบกรับไว้เอง ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ธนาคารออมสินก็สามารถทำกำไรเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
ทั้งนี้ ความสามารถในการตรึงอัตราดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของฐานะของธนาคาร ซึ่งปัจจุบัน ธนาคารมีหนี้เสียในระดับเพียง 2.7 % ณ สิ้นเดือน พ.ค.นี้ และมีเงินสำรองในระดับที่สูงถึง 165% และอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงสูงถึง 16-17% สูงกว่ามาตรฐานธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดไว้ที่ 8.5%
“หากอัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับขึ้น ผู้กู้ที่มีอัตราดอกเบี้ย แบบคงที่ จะยังไม่ได้รับผลกระทบในการผ่อนชำระเงินงวด แต่กรณีคนที่กู้ใหม่เงินงวดอาจปรับขึ้น เช่น หากกู้ 1 ล้านบาท ตามปกติอาจผ่อนชำระ 7,000 บาทต่องวด ก็จะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 7,500-8,000 บาทต่องวด ส่วนผู้ฝากเงินนั้น อาจต้องฝากแบบระยะสั้น เนื่องจากดอกเบี้ยในอนาคตอาจเปลี่ยนแปลง ส่วนภาคธุรกิจนั้น อาจต้องเตรียมสภาพคล่องไว้ เนื่องจากเมื่อมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยสภาพคล่องบางส่วนอาจหายไป จึงจำเป็นต้องสำรองไว้เพื่อธุรกิจ”