เมื่อวันอาทิตย์ (11 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ภูเขาไฟมายอน (Mayon) ในจังหวัดอัลเบย์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ได้เริ่มพ่นลาวาออกมา ทำให้ประชาชนนับหมื่นคนต้องอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากกังวลถึงความเป็นไปได้ที่ภูเขาไฟจะเกิดการปะทุอย่างรุนแรงคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
จนถึงตอนนี้ ชาวบ้านมากกว่า 12,000 คนต้องละทิ้งบ้านของพวกเขาเพื่ออพยพออกจากชุมชนภายในรัศมี 6 กม. จากปากปล่องภูเขาไฟมายอน โดยการอพยพระลอกแรกเริ่มขึ้นหลังจากภูเขาไฟเริ่มแสดงอาการเหมือนจะปะทุตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทางการเตือนว่า มีประชาชนอีกหลายพันคนยังคงอยู่ในเขตอันตรายใกล้ภูเขาไฟมายอน ซึ่งในความเป็นจริงประกาศเป็นเขตห้ามอยู่อาศัยมานานแล้ว
เทเรซิโต บากอลกอล ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาภูเขาไฟและแผ่นดินไหววิทยาของฟิลิปปินส์ กล่าวว่า เขตที่มีความเสี่ยงสูงรอบ ๆ มายอนอาจขยายออกไป หากการปะทุมีความรุนแรงมากขึ้น
กลาโหมรัสเซียลงนามคำสั่งฉบับใหม่ หวังฮุบ “แวกเนอร์”
เปรู ไข้เลือดออกระบาดอย่างหนัก ดับแล้ว 200 ติดเชื้ออีกกว่าแสนราย
เด็ก 4 คน รอดชีวิตปาฏิหารย์หลังเครื่องบินตกกลางป่าแอมะซอน
บากอลกอลกล่าวว่า หากเป็นเช่นนั้น ผู้คนในเขตอันตรายที่ขยายออกไปควรเตรียมพร้อมที่จะอพยพไปยังที่พักพิงฉุกเฉิน
ทางการฟิลิปปินส์ได้ประกาศให้จังหวัดอัลเบย์อยู่ภายใต้ภาวะฉุกเฉินเมื่อวันศุกร์ (9 มิ.ย.) เพื่อให้มีการช่วยเหลือและแจกจ่ายเงินบรรเทาภัยพิบัติได้เร็วขึ้นในกรณีที่มีการปะทุครั้งใหญ่
มายอนเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังไม่ดับของฟิลิปปินส์ที่มีอยู่ 24 ลูกของประเทศ มันปะทุอย่างรุนแรงครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2018 ครั้งนั้นมีชาวบ้านหลายหมื่นคนต้องอพยพ
เมื่องานนี้ เจ้าหน้าที่และชาวบ้านเริ่มเคลื่อนย้ายวัวและควายจำนวนมากจากฟาร์มไปยังพื้นที่เลี้ยงสัตว์ชั่วคราว 25 แห่งซึ่งอยู่ห่างออกไปในระยะที่ปลอดภัย
การอพยพฝูงปศุสัตว์เน้นย้ำถึงภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของรัฐบาลฟิลิปปินส์ในการจัดการกับภัยคุกคามจากภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่
ฟิลิปปินส์ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า “วงแหวนแห่งไฟ” ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นภูมิภาคที่เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดได้ง่าย นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ยังถูกพายุไต้ฝุ่นและพายุพัดถล่มโดยเฉลี่ยประมาณ 20 ลูกต่อปี ทำให้ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประสบกับภัยพิบัติมากที่สุดในแต่ละปี
ในอดีต เมื่อปี 1814 การปะทุของมายอนได้ฝังหมู่บ้านทั้งหมู่บ้าน และทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,000 คน
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ชาวเมืองอัลเบย์หลายคนยอมรับการปะทุของภูเขาไฟเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขา ชาวเมืองรายหนึ่งบอกว่า ธุรกิจจำนวนมากในจังหวัดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากธุรกิจท่องเที่ยวที่หลากหลาย รวมถึงทัวร์เที่ยวชมรอบ ๆ ภูเขาไฟ
“เราไม่กลัวมัน เราได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน” ชาวเมืองวัย 76 ปีกล่าว
เรียบเรียงจาก The Guardian
ภาพจาก AFP